วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประเภทฉันท์ ได้แก่ สมุทรโฆษคำฉันท์


    
  



   สมุทรโฆษคำฉันท์ 
        เป็นวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องจาก วรรณคดีสโมสร ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ว่าเป็นเรื่องที่แต่งดีเป็นเยี่ยมในกระบวนคำฉันท์ เป็นวรรณกรรมขนาดย่อม มีความยาว ของเนื้อเรื่อง ๒,๒๑๘ บท (นับรวมแถลงท้ายเรื่อง ๒๑ บท ) กับโคลงท้ายเรื่องอีก ๔ บท
       สมุทรโฆษคำฉันท์ นับเป็นหนึ่งในวรรณคดีไทย ที่มีประวัติอันยาวนาน สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา จวบจนถึงช่วงต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีเนื้อหาแบบนิยายไทยทั่วไป ที่มีความรักและการพลัดพราก กวีได้สอดแทรกขนบการแต่งเรื่องไว้อย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกัน นักประวัติศาสตร์ยังใช้วรรณคดีเล่มนี้สำหรับการอ้างอิงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ด้านขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมด้วย
ประวัติวรรณคดี
            ผู้แต่งสมุทรโฆษคำฉันท์มีผู้แต่งสามท่าน ซึ่งแต่งในยุคสมัยต่างๆ กัน ดังนี้

          ๑. พระมหาราชครู แต่งขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่แต่งตั้งปี พ.ศ. ใดไม่ปรากฏ คาดว่าน่าจะอยู่ในราว พ.ศ. ๒๒๐๐ ท่านได้แต่งไว้ ๑,๒๕๒ บท นับตั้งแต่ต้น จนถึงตอน “งานสยุมพรพระสมุทรโฆษกับนางพินทุมดี”
           ๒. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงพระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เอง ๒๐๕ บท แต่ไม่จบเรื่อง ก็สวรรคตเสียก่อน ทรงแต่งตั้งแต่ตอน “พระสมุทรโฆษและนางพินทุมดีไปใช้บน” (แก้บน) จนถึง ตอนที่พิทยาธรสองตนรบกัน (ตนหนึ่งตกลงไปในสวน) แต่ยังรบไม่จบ ทรงแต่งจนถึงสัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
              ๓. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงพระนิพนธ์ต่อจากนั้นจนจบเรื่อง นับได้ ๘๖๑ บท หลังจากที่ค้างอยู่นานถึง ๑๖๐ ปี (นับจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จสวรรคต เมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๑) เนื่องจากไม่มีผู้ใดกล้าแต่งต่อ โดยได้ทรงพระนิพนธ์เป็นสองช่วง และสุดท้ายก็จบเรื่อง เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๒ (จ.ศ. ๑๒๑๑) 
ลักษณะการแต่ง
         คำประพันธ์ในสมุทรโฆษคำฉันท์ ระบุไว้ในชื่อของหนังสือเล่มนี้อยู่แล้ว ว่าเป็น คำฉันท์ นั่นคือ ประกอบด้วยฉันท์ และกาพย์
จุดมุ่งหมาย
     เพื่อใช้แสดงหนังใหญ่ในพระราชพิธีฉลองพระชนมายุครบเบญจเพส ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เนื้อเรื่อง
          กล่าวถึงพระสมุทรโฆษกษัตริย์แห่งเมืองพรหมบุรีได้เสด็จไปคล้องช้างก่อนเข้าบรรทมหลับใต้ต้นโพธิ์ได้สดุดี และบำบวงแก่เทพทั้งหลาย พระโพเทพารักษ์พอใจและเกิดความเมตตาจึงอุ้มพระสมุทรโฆษไปยังปราสาทนางพินทุมดีในรมยนครและได้นางเป็นชายา พอจวนรุ่งเทพารักษ์เหาะมาลอบอุ้มกลับมาคืนยังราชรถทรงเมื่อทั้งสองตื่นขึ้นมาไม่พบกันก็ให้รู้สึกเสียใจ นางธาราพระพี่เลี้ยงได้วาดรูปเทพและพระราชสำคัญๆให้นางพินทุมดีดูจนถึงรูปพระสมุทรโฆษ จึงได้ทราบว่าเป็นพระสมุทรโฆษ ต่อมา พระสมุทรโฆษก็ได้อภิเษกกับนางพินทุมดีสมความปรารถนาเพราะชนะการประลองศร ต่อมาทั้งสองคนก็มีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกันแต่ในท้ายที่สุดก็ได้กลับมาครองรักกันเหมือนเดิม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประเภทบทละครรำ ได้แก่ อิเหนา

อิเหนา       อิเหนาเป็น วรรณคดีเก่าแก่เรื่องหนึ่งของไทย เป็นที่รู้จักกันมานาน เข้าใจว่าน่าจะเป็นช่วงปลาย สมัยกรุงศรีอยุธยา  ...